วันพุธที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2554

10 แหล่งท่องเที่ยวในกรุงเทพ ฯ ที่ไม่ควรพลาด

10. ตลาดนัดสวนจตุจักร

ตลาดนัดสวนจตุจักร คือ "สวรรค์ของคุณๆ" สำหรับผู้ที่ชอบซื้อสินค้าและต่อรองราคา โดยวันพุธและพฤหัสบดีจะเป็นตลาดค้าส่งต้นไม้ ส่วนวันเสาร์
และอาทิตย์นั้นจะเป็นเปลี่ยนเป็นตลาดนัดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย รวมทั้งเป็นศูนย์รวมร้านค้ากว่า 15,000 ร้านจากทุกภูมิภาคของประเทศ
เปิดตั้งแต่ 7 โมงเช้าถึงค่ำ


9. พิพิธภัณฑ์วังสวนผักกาด

มีพื้นที่ 6 ไร่ ตั้งอยู่บนถ.ศรี-อยุธยา เขตราชเทวี ซึ่งประกอบด้วยเรือนไทยโบราณ 8 หลัง ผู้มาเยี่ยมชมสามารถสัมผัสถึงความงามของสถาปัตยกรรม
ไทยที่คงความสมบูรณ์ยิ่ง ทั้งข้าวของเครื่องใช้ก็เป็นของส่วนพระองค์ที่หาดูได้ยากในปัจจุบัน เราจะได้สัมผัสถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของพระบรม
วงศานุวงศ์หรือเจ้านายชั้นสูง คือ พลตรีพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าจุมภฏพงษ์บริพัตร กรมหมื่นนครสวรรค์ศักดิพินิต หรือเสด็จในกรมฯ ท่านเจ้า
ของวังอย่างใกล้ชิด


8. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร

ตั้งอยู่บนถ.หน้าพระธาตุ เขตพระนคร ระหว่างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และโรงละครแห่งชาติ ตรงข้ามกับสนามหลวง พิพิธภัณฑ์แห่งนี้นับเป็น
พิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเป็นสถานที่เก็บรวบรวมข้อมูลด้านศิลปะไทยมากที่สุดแห่งหนึ่ง เป็นแหล่งรวบรวมความ
เป็นมาของชาติไทยตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ เข้าสู่ยุค รุ่งเรืองของอาณาจักรสุโขทัย ลพบุรี อยุธยา ธนบุรี จนกระทั่งถึงยุครัตนโกสินทร์


7. พิพิธภัณฑ์บ้านไทย จิม ทอมป์สัน

นายจิม ทอมป์สัน (James H.W. Thompson) ผู้ก่อตั้งร้านผ้าไหมไทย จิม ทอมป์สัน เดินทางมาประเทศไทยครั้งแรกในฐานะทหารอาสาสมัครของ
กองทหารอาสาสมัครของกองทัพสหรัฐฯ ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อสงครามยุติเขาได้กลับมาดำเนินธุรกิจค้าผ้าไหมในประเทศไทยและ
เป็นผู้นำในการสร้างชื่อเสียงของผ้าไหมไทยให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก


6. พระที่นั่งวิมานเมฆ

ตั้งอยู่ในพระราชวังดุสิต ใกล้กับอาคารรัฐสภาและสวนสัตว์ดุสิต ระหว่างที่เริ่มสร้างพระราชวังดุสิตรัชกาลที่ 5 ได้โปรดเกล้าฯ ให้ชะลอพระที่นั่งมันธาตุ
รัตนโรจน์จากเกาะสีชังมาสร้างขึ้นที่พระราชวังดุสิต โดยมีสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ทรงกำกับการออกแบบสถาปัตยกรรมของพระ
ที่นั่งได้รับอิทธิพลการก่อสร้างจากตะวันตก ตัวอาคารสร้างด้วยไม้สักทองเป็นรูปตัว L มีทั้งหมด 3 ชั้น ยกเว้นส่วนที่ประทับซึ่งเรียกว่า "แปดเหลี่ยม"
มี 4 ชั้น การจัดแสดงบางห้องยังคงบรรยากาศในอดีต เช่น ห้องบรรทม ห้องสรง เป็นต้น พระที่นั่งแห่งนี้ได้รับการบันทึกว่าเป็นอาคารที่สร้างจากไม้
สักทองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ได้รับการดัดแปลงเป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อเป็นที่แสดงศิลปวัตถุที่สะสมมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5


5. วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร

วัดเบญจมบพิตร แปลว่า "วัดของพระเจ้าแผ่นดินรัชกาลที่ 5" ตั้งอยู่บนถ.ศรีอยุธยาใกล้พระราชวังดุสิต สร้างด้วยหินอ่อนจากประเทศอิตาลี เป็นทรง
จัตุรมุขหลังคาซ้อน 4 ชั้นวัดเบญฯ ถือเป็นสถาปัตยกรรมที่สมบูรณ์แบบของศิลปะไทย ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชมคือ ตอนย่ำรุ่งระหว่างที่
พระสงฆ์ทำสังฆกรรมภายในพระอุโบสถ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ วัดเบญจมบพิตรจัดแสดงพระพุทธรูปปางในสมัยต่าง ๆ ทั้งของไทยและต่างประเทศ
เช่น ปางลีลาสมัยสุโขทัย ปางมารวิชัย เป็นต้น


4. วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร

วัดอรุณ ฯ หรือวัดแจ้ง ตั้งอยู่บนถนนอรุณอมรินทร์ เขตบางกอกใหญ่ เป็นวัดโบราณสร้างในสมัยอยุธยาเมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงตั้งราชธานี
ที่กรุงธนบุรี ใน พ.ศ. 2310 ได้เสด็จมาถึงหน้าวัดนี้ตอนรุ่งแจ้ง จึงโปรดเกล้าฯ ให้เทียบเรือพระที่นั่งที่ท่าน้ำ เพื่อเสด็จฯ ขึ้นไปสักการะพระมหาธาตุ
ซึ่งเป็นพระปรางค์องค์เดิม พร้อมเปลี่ยนชื่อใหม่ว่า "วัดแจ้ง" รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระบรมอัฐิรัชกาลที่ 2 มาบรรจุไว้ พร้อมทรงเปลี่ยน
ชื่อวัดเป็น "วัดอรุณราชวราราม"

พระปรางค์วัดอรุณฯ ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของกรุงเทพฯ ที่รู้จักกันทั่วโลก สูง 70 เมตร ก่ออิฐถือปูนประดับด้วยกระเบื้อง
เคลือบจานชามเบญจรงค์และเปลือกหอยจำนวนมหาศาล แล้วนำมาเรียงต่อกันเป็นรูปร่างต่าง ๆ อย่างงดงาม นอกจากความสวยงามที่ผู้คนต่างยกย่อง
ให้พระปรางค์วัดอรุณเป็นพระปรางค์ที่สวยงามที่สุดในประเทศไทย และถือเป็นพระปรางค์ที่สูงที่สุดในโลก


3. พระบรมมหาราชวัง

มีพื้นที่ 218,400 ตารางเมตร ประกอบด้วยวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระที่นั่งองค์แรกภายในพระบรมมหาราชวัง โดยถ่ายแบบ
มาจากพระที่นั่งสรรเพชรมหาปราสาทในสมัยอยุธยา มีลักษณะเป็นปราสาทจัตุรมุข ยอดทรงมณฑปซ้อนเจ็ดชั้นประดับกระจก หลังคาคาดด้วยดีบุก
พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2418 เป็นสถาปัตยกรรมผสมระหว่างไทยและยุโรปเป็นปราสาทรียงกันสามชั้น สามองค์ เชื่อมต่อด้วย
มุขกระสันโดยตลอด หลังคามุงกระเบื้องเคลือบสี มียอดปราสาทสามยอด
นอกจากนี้ยังประกอบไปด้วย พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน พระที่นั่งไพศาล
ทักษิณ พระที่นั่งอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์ และพระที่นั่งบรมพิมาน


2. วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์)

วัดโพธิ์ได้ชื่อว่าเป็น "มหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศไทย" เนื่องจากในสมัยรัชกาลที่ 3 ยังไม่มีการพิมพ์หนังสือการศึกษาที่มีอยู่ก็เรียนตามวัด
พระองค์จึงมีพระราชประสงค์ให้มีแหล่งรวมความรู้ จึงมีการรวบรวมและเลือกสรรตำรับตำรามาจารึกที่แผ่นศิลาไว้โดยรอบวัดเพื่อเผยแพร่ให้ประชาชน
วัดโพธิ์จัดเป็นวัดที่มีขนาดใหญ่และเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ก่อสร้างมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1


1. วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว)

วัดพระแก้ว ตั้งอยู่บนถนนหน้าพระลาน เขตพระนคร สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 พ.ศ. 2325 เมื่อรัชกาลที่ 1 (พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬา
โลกมหาราช) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ย้ายราชธานีจากธนบุรีมายังกรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ยังเป็นที่ประดิษฐานของ "พระพุทธมหามณี
รัตนปฏิมากร หรือพระแก้ว" พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของไทย ซึ่งรัชกาลที่ 3 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้สร้างขึ้นในพระอุโบสถ ระเบียงพระอุโบ-
สถมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์ที่สวยงามและยาวที่สุดในโลก
คุณเบื่ออาหารแบบเดิมๆ หรือเปล่า คุณอยากกินอาหารแปลกๆ และหรูหรือไม่ วันนี้ผมแนะนำ
อาหารอร่อยสุดหรูจากต่างประเทศ ให้ทุกคนได้ลิ้มลองกัน(ปัดฝุ่นอีกรอบ)


อันดับ 10 หนู


เป็นอาหารสุดฮิตของอเมริกาใต้ โดยเฉพาะประเทศยากจนอย่าง เปรู ปารากวัย หนูคือแหล่งโปรตีนสำคัญที่เดียว และเป็นเมนูหลักๆ ของร้านอาหาร
และภัตตาคารใหญ่ๆ โดยชาวปารากวัยต่างลิ้มลองเชื่อว่าการกินหนูจะช่วยให้ผิวกระชับมากขึ้น ผิวเนียนอีกต่างหาก ซึ่งหนูตัวใหญ่เขาจะมาย่างเป็น
หนังกรอบหอมเสริฟแบบแฮมเบอร์เกอร์เลยที่เดียว ส่วนหนูทารกตัวสีชมพู แดงๆ ก็จะหย่อนหนูเป็นๆ ลงท้องทันทีตามด้วยนมสดสักแก้ว หรือ
ไม่ก็จะอร่อยแบบศิวิไลหน่อยก็จับลูกหนูใส่ในขนมปัง หรือกล้วยหอมแล้วยัดใส่ปากเคี้ยวกร้วมๆ ร้องจิ๊ดๆ เป็นอันอร่อยเหาะ(แค่คิดก็...)


อันดับ 9 สตูค้างคาว

อาหารขึ้นชื่อของเวียดนาม ประเทศที่กำลังเจริญกว่าไทยน่ะแหละ ขายดิบขายดี แถมยังหรูและหายากมาก โดยเฉพาะเมืองหลวงไซ่งอนน่ะมัน
อยู่ในระดับภัตตาคารหรูเท่านั้น ซึ่งชาวเวียดนามเชื่อกันว่าเนื้อค้างคาวคือราชันย์แห่งเนื้อทั้งปวง

การกินน่ะหรือ ทำได้หลายวิธี เช่นทำซุป หรือนำมาสับเป็นชิ้นๆ เคี้ยวเป็นสตู หรือไม่ก็ใช้มีดคมๆ ตัดหัวค้างคาวทันที จากนั้น
ก็รีดเลือดที่หยดจากร่างไร้หัวใส่แก้วเปล่าแล้วดื่มกินสดๆ ทันที


อันดับ 8 สตูว์เนื้อหมาดำ

พูดถึงเอเชียก็ต้องเนื้อหมา กินกันทั้งเกาหลี เวียดนาม ไทย แต่ถ้าจะหาประเทศที่กินเนื้อหมาได้มีลีลาเด็ดอร่อยก็ประเทศอินโดนีเซีย เพื่อนบ้าน
ของเรานั้นเองเพราะพี่เพื่อนบ้านแกทำหลายเมนูมาก โดยเฉพาะเนื้อหมาดำว่ากันว่ามีรสอร่อยกว่าเนื้ออื่นๆ ทั้งปวง แถมนุ่มกว่าเนื้อหมาสีอื่นๆ
ทำให้เวลานี้หมาดำชักจะหายจากถนนและบ้านเรือนของอินโดนีเซียไปแล้ว


อันดับ 7 หัวแกะสด-ต้ม

จากหลายประเทศรอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เป็นเมนูที่คุ้นเคยอย่างยิ่งของชาวเมืองแถบนั้นว่ากันว่าหัวแกะถือว่าเป็นอาหารสุดยอดของแกะ
เมื่อถึงเทศกาลปีใหม่ของชาวยิวที่เรียกว่า รอช อาแชน่า หัวแกะถูกนำมาเสิร์ฟพร้อมกับความหมายที่ว่า ใครก็ตามได้กินหัวแกะนั้นจะได้รับโชคดี
ในวันปีใหม่ที่จะมาถึง แต่ถ้ากินลูกนัยตาของลูกแกะเข้าไปย่อมโชคดีมากขึ้นไปอีก ส่วนรสชาติหลายๆ คนให้ความเห็นว่า “เค็มเหลือเกินพับผ่า”


อันดับ 6 ขนมพายครีบแมวน้ำ

ชาวนิวฟาวด์แลนด์กินพายที่มาจากครีบแมวน้ำนั้นถือว่าเป็นสิ่งวิเศษ และต้องกินก็ได้ถ้ามีโอกาส และด้วยเหตุนี้ส่งผลให้แต่ละปีจะมีแมวน้ำมากมาย
มหาศาล ต่างถูกจับตัวขึ้นมาตัดครีบทั้งสองข้าง จากนั้นก็ถีบลงเรือและปล่อยให้จมน้ำตายในทะเลไปอย่างน่าสมเพชที่สุด ในภัตตาคารใหญ่ๆ
หลายต่อหลายแห่งก็มีเมนูชนิดนี้เปิดขายทั้งแบบปกปิดและเปิดเผย เพราะนานาประเทศยังต่อต้านเมนูนี้อยู่


อันดับ 5 สมองลิงแสนสนุก

วิธีการทำและการกินก็ง่าย ก็เอาลิงพันธุ์อะไรก็ได้แล้วแต่มีให้ มาหนีบกับโต๊ะโดยมีส่วนหัวด้านบนโผล่ออกมา จากนั้นพ่อครัวก็ใช้วิชาบาร์เบอร์
โกนขนส่วนบนของลิงออก จนเกลี้ยงเกลาจากนั้นก็ใช้สิ่วและค้อนเฉาะกะโหลกของลิงออกคล้ายกับกะเทาะมะพร้าวอ่อน(ทรมานจิง)

และแล้วลูกค้าก็จะรีบตักกินสมองลิงอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะถ้าปล่อยทิ้งไว้นานเกินไปสมองลิงจะยุบและลดปริมาณอย่างรวดเร็ว
แต่บางครั้งเขาก็เสิร์ฟสมองลิงแบบแช่แข็งไว้ด้วย เพื่อลดภาระสมองลิงหดตัวอย่างรวดเร็วอีกทางหนึ่ง


อันดับ 4 ปลาสองแผ่นดิน

เมนูนี้สามารถหากินได้จากประเทศจีนหรือไทยก็ได้ครับ
วิธีการทำต้องใช้ฝีมือหน่อย เริ่มจากนำปลาเก๋าขนาด 2 ก.ก. มาขอดเกล็ดออกให้หมดแล้วนำมาล้าง ก่อนจะใช้ผ้าเย็นที่แช่เย็นจัดพันส่วนหัวจนถึง
พุงปลา แล้วก็ใช้มีดบั้งตัวปลาตั้งแต่ส่วนหางขึ้นมาจนถึงกลางลำตัว ระหว่างนั้นตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชลงไปรอให้เดือดเต็มที่ แล้วก็นำหางปลาช่วงที่
บั้งจุ่มลงไปทอดครึ่งตัว ซึ่งเป็นภาพที่หวาดเสียวมาก เพราะปลาจะดิ้นตลอดเวลาด้วยความเจ็บปวด ต้องใช้คีมคีบที่หัวปลาเอาไว้ รอจนเนื้อปลาสุก
เป็นสีเหลือง ก็ยกขึ้นนำมาวางบนจานแต่งด้วยเครื่อง ยกเสิร์ฟโดยครึ่งบนปลายังเป็นๆ อยู่ อ้าปากพะงาบๆ ครีบยังกระดิกได้ แต่ครึ่งล่างทอดจนสุก
กินกับน้ำจิ้มซีฟู้ดและซอสเปรี้ยว โดยคนจีนเชื่อว่าการทานปลาสองแผ่นดินเป็นยาชูกำลัง ให้กินมากๆ จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง เชื่อไหม
(จะกินที ไม่ฆ่ามันให้ตายวะ ทรมานจิง)


อันดับ 3 อุ้งตีนหมี

เป็นอาหารที่นักเปิบมหาภัยชอบมากและเป็นเมนูสุดโหด เพราะการตัดอุ้งตีนหมีนั้น ไม่สามารถตัดขณะที่หมียังมีชีวิตได้ การฆ่าหมีเองก็ไม่ใช่
เรื่องง่าย เพราะหนังหมีจะหนามาก ยากต่อการฆ่า ดังนั้น ผู้ฆ่าจึงจับหมีถ่วงน้ำทั้งเป็น

หมีควายส่งเสียงร้องดังโหยหวนเมื่อถูกตะขอเหล็ก เกี่ยวร่างออกจากกรงขัง ไม่กี่นาทีต่อมามันก็ตกอยู่ในความมืดมิด เมื่อถูกกระสอบสวมคลุมร่าง
นักท่องเที่ยวจะยืนมองวินาทีสุดท้ายของหมีควายโชคร้ายในถังเก็บน้ำใบเขื่อง ด้วยสายตาเฉยชา หลังจากร่างใหญ่ดิ้นพราดๆ อยู่เพียงครู่ ทุกอย่าง
ก็สงบลง เพชฌฆาตรีบลงมีดเลือดสดๆ ไหลทะลักจากคอหมีลงสู่ถ้วยขนาดย่อม เลือดในถ้วยถูกผสมด้วยเหล้าขาวแล้วเวียนกันดื่ม หลังจาก
ยืนดู การชำแหละอุ้งตีนหมีเสร็จสิ้น นักท่องเที่ยวจึงกลับไปที่โต๊ะ นั่งรออาหารจานเด็ดที่เชื่อว่าจะช่วยทำให้คนแข็งแกร่งในกามกรีฑา ดุจเดียวกับ
ความแข็งแรงของอุ้งตีนหมี


อันดับ 2 ซุปตัวอ่อนของมนุษย์

เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงน่ะครับ เพียงแต่รูปที่นำมาเป็นของจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้

เมนูนี้เป็นอาหารเฉพาะบางกลุ่มเท่านั้นน่ะครับ มันมีขายอยู่ที่เฉินเซิ่น ประเทศจีน

การกินตัวอ่อนของมนุษย์ หรือทารกที่เพิ่งคลอดนั้นเป็นความเชื่ออย่างลับๆ ว่า จะช่วยเพิ่มคุณค่าอาหารหลายอย่างในหมู่ชาวจีน นั้นก็คือทำให้
ผิวสวยเนียน ร่างกายแข็งแรงต้านทานโรค และที่เชื่อกันมากก็คือช่วยบำรุงไตได้ดี

สำหรับวิธีการทำก็ไม่ยากเท่าไหร่ แค่เอาเด็กทารกแรกคลอด หรือเด็กที่ตายจากการทำคลอด ยิ่งเป็นเด็กผู้ชายยิ่งดี(เขาบอกว่ามีคุณค่าทางอาหารสูง)
มาสับ มาเคี่ยวเป็นซุปและใส่เนื้อหมูลงไปเป็นอันเสร็จ………..รสชาติเหมือนซุปสมุนไพร

อย่างไรก็ตามการนำเด็กทารกมาทำตุ๋นยาจีนเป็นอาหารที่ประเทศจีนนั้น ถือว่าผิดกฎหมาย ทำให้เมนูนี้ ต้องมีการสั่งเป็นพิเศษ หรือไม่ก็แอบ
ทำให้กับพวกที่อยากรับประทานอาหารแบบพิสดาร แบบนี้


อันดับ 1 เนื้อมนุษย์ที่ปาปัว นิว กินี

และก็มาถึงอันดับหนึ่งของเรา ที่ปาปัว นิวกินี เวลามีใครตายขึ้นไม่ว่าจะเป็นญาติของตน หรือคนต่างเผ่าที่ตกอยู่ในครอบครองของตน เขาจะไม่
นำศพไปฝังหรือเผา แต่จะนำศพไปไว้บนตะแกรงที่ยกพื้นสูงขนาดท่วมหัว ปล่อยให้ศพอยู่ในสภาพนั้นจนขึ้นอืด เกิดน้ำเหลืองเยิ้มไปทั้งตัวดีแล้ว
ก็จะเข้าป่าหาใบไม้ที่เป็นเครื่องเทศ เอามาพับเป็นกระทงเล็กๆ (คงอย่างที่เตรียมใบชะพลูจะกินกับเมี่ยง) เหมาะที่จะมีขนาดกินคำเดียว แล้วก็เชิญ
พรรคพวกเพื่อนฝูงให้มารวมกันอยู่ใต้ตะแกรงศพนั้น นำเอาไม้ปลายแหลมแทงศพให้เป็นรู ให้น้ำเหลืองไหลย้อยออกมา นำกระทงใบไม้ที่เตรียม
รองรับน้ำเหลืองนั้น พอได้มากดีแล้วก็กินทั้งน้ำเหลืองและใบไม้ กินกันจนไม่มีน้ำเหลืองแล้วก็นำศพนี้ไปต้มซุปกับผักต่างๆ กินกันต่อไป

แต่ถ้าจะกินมนุษย์ที่สะใจที่สุดต้องยกให้ชนเผ่า โดโบดูรัส นิยมจับเหยื่อที่ล่ามาได้มากินแบบเป็นๆ นั้นคือต้องทรมานเหยื่อจนใกล้จะตายแต่ไม่ให้
ถึงตาย จากนั้นก็เจาะกะโหลกให้เป็นรูลึกๆ เสียก่อน แล้วค่อยสอดไม้เล็กๆ ที่มีปลายแบบชอนเข้าไปตักสมองออกมากิน เหยื่อก็ดิ้นไปดิ้นมา
ดูแล้วน่ารักอย่างยิ่ง... (โหดซะไม่มี)
อนุสรณ์สถาน คือสถานที่ หรืออาคาร ซึ่งก่อสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ ระลึกถึงเหตุการณ์
หรือคุณความดีของบุคคลในอดีต
ที่อเมริกามีเรื่องราวมากมาย ที่เรียกได้ว่าเกิดเป็นอนุสรณ์สถานขึ้น

และนี่คือ 10 อันดับอนุสรณ์สถานแห่งอเมริกา



อันดับ 10 : เพิร์ลฮาร์เบอร์ (PEARL HARBOR)

ทุกๆ ที่ที่เราไปล้วนมีความหมายทั้งนั้น เพิร์ลฮาร์เบอร์ก็เช่นกัน ประวัติศาสตร์ที่ติดตรึงใจชาวอเมริกันไม่มีวันลืม การลอบโจมตีที่ช็อกคนทั้งโลก
เปลี่ยนอเมริกาให้ตื่นขึ้น สมรภูมิที่เราต้องปกป้อง ประวัติศาสตร์เลือด และชีวิตของอเมริกา เมื่อทหารเกือบ 1,000 คนต้องมาตายในที่แห่งนี้
จากการซุ่มโจมตีของฝูงบินติดอาวุธ นับเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ การระดมยิง และทำลายล้างได้จมเรือรบยูเอสเอสอริโซน่า ให้ดำดิ่งสู่ก้นทะเล
พร้อมชีวิตทหารนับพันๆ ภายในชั่วพริบตาหายนะที่ทุกวันนี้ภาพสะเทือนใจแห่งความทรงจำยังปรากฏ อนุสรณ์สถานสีขาวเหนือซากเรือรบอริโซน่า
สิ่งสักการะแก่ผู้มาเยี่ยมเยือนเพิร์ลฮาร์เบอร์ ให้ทุกคนได้ระลึกถึงว่าสำนึกแห่งความรักชาติเกิดขึ้นที่นี่


อันดับ 9 : อนุสาวรีย์วอชิงตัน ( WASHINGTON MONUMENT)

นี่เป็นอนุสรณ์สถานที่ชาวอเมริกันสร้างไว้เพื่อรำลึกถึงบุคคลที่ พวกเขารัก บุรุษผู้ยิ่งใหญ่ จอร์จ วอชิงตัน แท่นหินสีขาวสูงเสียดฟ้ากลางอุทยาน
ในภูเขาเวอร์นอน ที่ตั้งอนุสาวรีย์ประธานาธิบดีคนแรกของอเมริกา เครื่องหมายแห่งประชาธิปไตย สัญลักษณ์ของเอกราช ส่องประกายเจิดจ้า
ท้าทายความสูงประกาศโดยทั่วกันว่า ดินแดนแห่งนี้ สิทธิ เสรีภาพอยู่เหนือสิ่งใด อนุสาวรีย์ที่งามสง่าพอๆ กับรัฐบุรุษผู้ให้กำเนิดอเมริกา ดึงดูด
และเชิญชวนให้ชาวอเมริกันได้ย้อนระลึกถึง และภูมิใจที่ได้เกิดเป็นคนอเมริกัน


อันดับ 8 : อุทยานแห่งชาติเกตตีสเบิร์ก (GETTYSBURG NAT’ L PARK)

สนามรบแห่งการสูญเสีย สมรภูมิที่ทำให้เราต้องตระหนักถึงความสามัคคีของคนในชาติ สถานที่นี้จะบอกเล่าเรื่องราว และชี้ชะตาของคนอเมริกัน
ว่าจะแยก หรือรวมเป็นหนึ่ง เมื่อเกตตีสเบิร์กเป็นจุดที่สงครามกลางเมืองระหว่าง ฝ่ายเหนือ และฝ่ายใต้มาบรรจบกัน โศกนาฏกรรมครั้งใหญ่เกิดขึ้น
การสู้รบที่ผลแพ้ชนะกระทบต่ออนาคตของประเทศ ณ ที่นี้ได้สร้างรอยด่างประวัติศาสตร์อเมริกาให้ทุกคนคิด และหวนกลับมาหลอมรวมอเมริกา
ให้เป็นหนึ่งเดียว


อันดับ 7 : เมาท์รัชมอร์ (MOUNT RUSHMORE)

มันตั้งตระหง่าน หน้าผาที่สูงชันบนเทือกเขา แบล็คฮิลส์ เซาธ์ดาโกต้า พวกเขาคอยเฝ้าดูความเป็นไปของประเทศที่เขาได้สร้างขึ้น ภูผาหิน
แกรนิตขนาดใหญ่ ที่ตั้งของรูปแกะสลักใบหน้าประธานาธิบดีอเมริกา ทั้งสี่ วอชิงตัน เจฟเฟอร์สัน รูสเวลท์ ลินคอล์น สำนึกความรักชาติผุดพล่าน
และแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายของคนอเมริกา ทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมชมความรู้สึกของความภูมิใจที่ยิ่งใหญ่ แรงบันดาลใจที่ทำให้ชาวอเมริกันยืนหยัด
และพร้อมต่อสู้ได้อีกครั้ง


อันดับ 6 : อินดีเพนเดนซ์พาร์ค (INDEPENDENCE PARK)

ประวัติศาสตร์ชาติอเมริกาได้ถือกำเนิด สถานที่ที่บุคคลสำคัญเคยยืนตรงจุดนี้ ที่ที่พวกเขาได้ป่าวประกาศอิสรภาพอย่างสมบูรณ์ ตามทางเดินที่
มุ่งตรงสู่ อินดีเพนเดนซ์ฮอล รอยเท้าของเบนจามิน แฟรงคลิน และจอร์จ วอชิงตัน ที่เคยเดิน ศูนย์กลางความมั่นคงทุกอย่างของอเมริกา เสียงที่
ก้องกังวานของระฆังแห่งเสรีภาพ หลักเชิดชูอุดมคติในอิสรภาพ และความเสมอภาคอย่างแน่วแน่ ณ สถานที่แห่งนี้ทุกสิ่งได้เกิดขึ้น ประชาธิปไตย
ของชาติ ประวัติศาสตร์ของอเมริกา


อันดับ 5 : สุสานแห่งชาติอาร์ลิงตัน (ARLINGTON NATIONAL CEMETERY)

กลางทุ่งกว้าง...หินจารึกสีขาวกว่า 250,000 แท่ง วางเรียงรายตลอดแนว นี่คือสุสานของทหารทุกระดับชั้นในทุกสงครามของอเมริกา เหล่าทหารหาญ
ที่พร้อมพลีกายเสียสละเพื่อมาตุภูมิของตนเอง ผู้มาเยือนทุกคนเมื่อมายังสุสานแห่งนี้ต่างรับรู้ได้ถึงความงดงาม โศกเศร้า และรุ่งโรจน์ในคราวเดียวกัน
ชัยชนะ และความพ่ายแพ้จากสงครามได้สะท้อนเกียรติให้เหล่าทหาร ผู้รับใช้ชาติสมควรแก่การยกย่อง ปลุกจิตสำนึกของการรักชาติให้เกิดแก่ชาว
อเมริกันทุกคน


อันดับ 4 : ป้อมอลาโม (THE ALAMO)

จิตวิญญาณเสรีของชาติ คำจำกัดความสั้นๆ ของสนามรบ ที่ซึ่งวีรบุรุษรุ่นแรกของเท็กซัสยืนหยัดจนวินาทีสุดท้าย สนามที่เลือดรักชาติจะปรากฏ
ตำนานของการต่อสู้เพื่อ อิสรภาพ ภายในป้อมอลาโม ที่ที่รวมเหล่าบุรุษผู้กล้าไปสู่การปลดปล่อยเท็กซัสจากอำนาจ ของเม็กซิโก สนามประลอง
เลือดที่จะกระตุ้นจิตวิญญาณ ของคนอเมริกันทุกคน ได้สำนึกรักชาติบ้านเกิดของตนเอง


อันดับ 3 : อนุสาวรีย์ลินคอล์น (LINCOLN MEMORIAL)

อนุสรณ์สถานแด่ผู้ยิ่งใหญ่ รัฐบุรุษที่คนทั้งอเมริการัก และเคารพ สัญลักษณ์ของความกล้า ความรักชาติ ความเป็นอเมริกัน อนุสาวรีย์อับราฮัม
ลินคอล์น จุดเริ่มต้นตำนานความรักชาติ เครื่องหมายเพื่อเชิดชูเสรีภาพ วีรกรรมที่ต่างต้องยกย่อง สุนทรพจน์ คำปราศรัยแห่งประวัติศาสตร์
ถูกรวบรวมผ่านจิตรกรรมฝาผนังภายในอนุสาวรีย์ลินคอล์น ที่สุดท้ายแห่งการรำลึกถึง เพื่อให้คนรุ่นหลังได้รับรู้ถึงความรู้สึก อารมณ์ส่วนลึกที่
เขามีต่อประเทศ ต่อประชาชน และต่อความเสมอภาค


อันดับ 2 : เทพีเสรีภาพ (STATUE OF LIBERTY)

เธอมาในฐานะทูตแห่งมิตรภาพ ของขวัญชิ้นสำคัญที่ฝรั่งเศสตั้งใจมอบให้แก่อเมริกา และเธอตั้งตระหง่านอยู่เหนือเกาะลิเบอร์ตี้ในอ่าวนิวยอร์ค
เทพีเสรีภาพ สัญลักษณ์ของผู้แสวงหาอิสระ เสรีภาพ การต้อนรับอย่างอบอุ่นให้กับผู้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความฝัน และพร้อมยืนเคียงข้าง
ผู้เดินทางมาสร้างชีวิตใหม่ ทุกเชื้อชาติ ทุกภาษา อิสรภาพเปิดทางให้พวกเขาเดินทางเข้าออกประเทศนี้ กำแพงเกียรติยศที่สลักรายชื่อผู้
อพยพกว่า 420,000 คนที่มาถึงที่นี่ ผู้เดินตามความฝัน ความต้องการอย่างแรงกล้า เพื่อค้นพบจุดมุ่งหมายของตนเอง


อันดับ 1 : เวิร์ลด์เทรดเซ็นเตอร์ (WORLD TRADE CENTER)

ตึกแฝดระฟ้าเคียงคู่อเมริกา สัญลักษณ์แห่งโลกการค้าเสรี ระบบทุนนิยมแห่งความมั่งคั่ง และมั่นคงของชาติมหาอำนาจอย่างอเมริกา บัดนี้
เวิร์ลด์เทรดเซ็นเตอร์เหลือเพียงเถ้าถ่าน ที่ทิ้งชีวิตผู้คนเกือบ 3,000 ชีวิตไว้อยู่เบื้องหลัง การก่อการร้ายภายใต้รหัส ไนน์วันวัน (911) ได้ดึง
ชีวิตคนอเมริกันให้ดิ่งสู่เบื้องล่างอย่างไม่มีวันจะหวนกลับ ปฏิบัติการที่ท้าทายยักษ์ใหญ่อเมริกา โศกนาฏกรรมที่เป็นเหมือนประวัติศาสตร์
ณ จุดนี้ กราวนด์ซีโร่ (GROUND ZERO) ที่ที่ความรุ่งโรจน์ และล่มสลายรวมอยู่ที่เดียวกัน ลางบอกเหตุให้อเมริกาตระหนักถึงสันติภาพที่จะ
เกิดแก่คนทั้งโลก
ว่ากันด้วยเรื่องผีกันบ้างครับ เห็นบางท่านเอาผีจากมหาวิทยาลัยต่างๆมาให้อ่าน วันนี้ขอเสนอจาก
ต่างประเทศกันบ้าง ว่าจะน่ากลัวขนาดไหน ผีบางตัวใช่เอาแต่แลบลิ้นหลอกผู้คน แต่บางตัวก็นำมา
ซึ่งความสยอง ความโชคร้ายและหายนะแก่ผู้ที่พบตัวมัน จนหลายคนไม่อยากจะพบเจอพวกมัน
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน


อันดับ 10 ปรากฏการณ์แม่มดเบลล์ (The bell witch)

ที่ตั้ง เมืองอดัมส์ มลรัฐเทนเนสซี อเมริกา

ในปี ค.ศ.1817 สถานที่แห่งนี้ขึ้นชื่อปรากฏการณ์หลอนที่มีชื่อที่สุดในอเมริกา ผู้คนทุกสารทิศพากันหลั่งไหลมาชม รวมไปถึงประธานาธิบดีด้วย
ซึ่งก็ไม่เคยผิดหวังทุกคนได้เห็นกันทั่วหน้า ซึ่งว่ากันว่าเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นจากหญิงชราชื่อ เคท แบทส์ ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของครอบครัวเบลล์
เธอเจ็บแค้นมากเมื่อครอบครัวนี้โกงเธอในการซื้อขายที่ดิน ดังนั้นก่อนตายเธอได้สาปแช่งว่าถ้าเธอเป็นผีฉันจะให้ดู และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ครอบครัวของเบลล์ต้องประสบเคราะห์กรรมต่างๆ นาๆ จากผีที่มองไม่เห็นไม่ว่าจะเป็น ข้าวของแตกกระจาย เข็มทิ่มตามร่างกาย นมหกเลอเทอะ
ดึงผ้าคลุมจากเตียง การทุบตี แถมเสียงหัวเราะสยองแกล้งแบบสะใจ แม้กระทั่งตอนสมาชิกในครอบครัวตายผีตนนี้ยังไม่วายที่จะแสดงอิทธิฤทธิ์
หัวเราะร้องเพลงอย่างเริงร่าและดังยาวนานจนผู้ร่วมพิธีศพคนสุดท้ายออกจากงานฝังศพ

แม้ทุกวันนี้ครอบครัวเบลล์จะหมดรุ่นไปแล้วเกือบ 200 ปี ก็ตาม แต่ทุกวันนี้วิญญาณยังปรากฏตัวอยู่ เนื่องจากมีผู้พบเห็นปรากฏการณ์แปลกๆ
ภายในถ้ำแห่งหนึ่งตั้งอยู่ในบริเวณครั้งหนึ่งที่เคยเป็นสมบัติของเบลล์


อันดับ 9 ผีที่บ้านเลขที่ 50 เบิร์กเลย์สแควร์ (50 Berkeley Square)

สถานที่ตั้ง บ้านเลขที่ 50 เบิร์กเลย์ สแควร์ กรุงลอนดอน

ผีที่นี่ดุจริงๆ เพราะมันทำให้เหยื่อเคราะห์ร้ายต้องสังเวยให้กับมัน แม้ไม่มีใครทราบที่มาแต่หลายคนต่างโดนมันฆ่าถ้าใครก็ตามที่มานอนพักบ้านร้าง
หลังนั้น เช่นในปี 1887 กะลาสีสองคนชื่อเอ็ดเวิร์ด บลันเดนและโรเบิร์ต มาร์ติน ได้อาศัยบ้านหลังนี้พักชั่วคราวและต่อมากลางคืนบลันเดนก็พบเห็น
ผีและสู้กับมันส่วนมาร์ตินหนีออกมาเพื่อแจ้งตำรวจและเมื่อกลับมาก็พบบลันเดนตายอยู่บันไดชั้นล่างในสภาพคอหัก ดวงตาเบิกโพลง นอกจากนั้น
จอร์จ แคนนิ่ง นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ก็โดนด้วยและ เสียชีวิตในปี 1827

ปัจจุบันคนละแวกแถวนั้นมักตกใจเสียงทุบและเสียงกระแทกปึงปังในบางคืน


อันดับ8 บ้านอมิตี้วิลล์ (Amityville House)

สถานที่พบเจอ บ้านเลขที่ 112 โอนอเวนิว อเมริกา

บ้านอมิตี้วิลล์ โอนอเวนิว เป็นบ้านทรงดัทซ์ โคโลเนียล หน้าตาเหมือนโรงนาทรงสูงที่ที่สวยงามมากหลังหนึ่ง ถูกสร้างตั้งแต่ปี 1924 แต่เมื่อ
13 พฤศจิกายน ค.ศ. 1974 เกิดการฆาตกรรมหมู่ครอบครัวหนึ่งจากนั้นเป็นต้นมาที่นี่ก็กลายเป็นบ้านผีดุไปในบัดดล โดยที่โด่งดังที่สุดคือกรณี
ของครอบครัวของจอร์จ ลัทซ์ก็อาศัยอยู่บ้านหลังนี้และพบเหตุการณ์ประหลาดแทบทุกคืนไม่ว่าจะเป็นเสียง รอยเท้า ผีอำ ฯลฯ นอกจากนั้น ไม่ว่า
ใครหน้าไหนเอาเรื่องนี้มาแต่งเป็นนิยายหรือทำเป็นหนังจะโดนคำสาป เห็นได้จาก เคยมีคนนำเรื่องอมิตี้วิลล์มาสร้างหนังปรากฏว่าหลายคนในกอง
ถ่ายต่างประสบเคราะห์กรรมต่างๆ นาๆ ไม่ว่าจะเป็นปรากฏการณ์ลึกลับ เจ็บไข้ ได้ป่วย หรือแม้กระทั่งตายอย่างลึกลับ (ปัจจุบันเราสามารถหาดู
เรื่องนี้จากหนังเรื่องผีทวงบ้านครับ) ระวังจะโดนคำสาบ!!


อันดับ 7 เดอะ ฟลายอิ้ง ดัชท์แมน (Flying Dutchman)

สถานที่พบเจอ แหลม Good Hope ฮอลแลนด์ และท้องทะเลทั่วโลก(ไทยก็เคยเจอ)

เป็นเรือปีศาจที่ปรากฏตัวให้เห็นบ่อยๆ ในทั่วโลกมาแล้วหลายร้อยปี เดิมคือ เรือ Flying Ducthman เป็นของกัปตัน Van Der Decken ที่นิสัยไม่ดี
โดยเขาหายสาปสูญที่แหลม Good Hope ก่อนหายได้ตะโกนขึ้นว่า "ข้าจะยังคงวนเวียนอยู่ที่แหลมแห่งนี้ ถึงแม้ว่าข้าจะต้องล่องเรือจนถึงวาระสุด
ท้ายของโลกก็ตาม" และนับจากนั้นเป็นต้นมาผู้คนทั่วโลกก็พบเรือปีศาจแบบนี้ และว่ากันว่าเรือใดที่เห็นเรือปีศาจนี้จะต้องรับความพินาศ โดยในปี
1881 คนประจำเรือเจ้าชายจอร์จที่ 5 เห็นเรือนี้จากนั้นไม่นานเขาก็พลัดตกเสากระโดงเรือตาย.... ทุกวันนี้ก็ยังมีคนกล่าวอ้างอยู่เสมอว่าเห็นเรือ
ฟลายอิ้ง ดัทช์แมนยังคงรอนแรมอยู่เดียวดายกลางทะเลด้วยรูปลักษณ์อันเศร้าโศกและสยดสยอง ริชาร์ด วากเนอร์ คีตกวีชื่อก้องโลกได้อาศัย
ตำนานปีศาจนี้แต่งอุปรากรที่มีชื่อว่า Der Fliegende Hollander


อันดับ 6 วิญญาณที่โบลถ์บอร์ลีย์ (Borley Rectory)

สถานที่พบเจอ กรุงลอนดอนทางตะวันออกเฉียงเหนือ 60 ไมล์ แถบชานเมืองเอสเซกซ์(ปัจจุบันโดนทุบทิ้งแล้ว)

เมื่อปี ค.ศ.1362 นักบวชนิกายเบเนดิกทีนและแม่ชีจากสำนักชีในละแวกนั้นถูกพ่อมดหมอผีและชาวบ้านที่งมงายจับสองคนไปฆ่าโดยนักบวชถูก
แขวนคอส่วนแม่ชีถูกฝังทั้งเป็นภายในผนังของสำนักชี ซึ่งต่อมาก็ได้กลายเป็นโบสถ์แห่งบอร์เลย์ในปี 1863 และหลังจากนั้นเหตุการณ์ประหลาดก็
เกิดขึ้นต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นก้อนหินที่ขว้างไปโดยไม่รู้ที่มา รอยเท้าประหลาด เสียง และภาพหลอนขนาดปรากฏตัวในตอนกลางวันแสดๆ เลยก็มี
โดยปี 1929 เธอปรากฏตัวถี่ขึ้นและเริ่มเห็นเต็มตัวโดยในลักษณะแต่งกายเป็นชีและท่าทางใบหน้าเศร้าหมองร้องขอให้มีผู้พบศพเธอเพื่อประกอบ
พิธีทางศาสนา และมีผู้ถ่ายรูปเธอออกมาเพียบ จนกระทั่งคืนวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1939 ก็เกิดเพลิงไหม้ตอนเที่ยงคืนและเผาโบสถ์จนเหลือเพียง
ซากและโบสถ์ก็โดนทุบทิ้งจนผีไม่ปรากฏตัวออกมาอีกเลย


อันดับ 5 วิญญาณสีชาด
กษัตริย์เฮนรีที่ 4
สถานที่พบเจอ ฝรั่งเศส ???

วิญญาณสีชาดตนนี้ไม่มีที่มา แต่มันสำแดงตนเสมอในช่วงเปลี่ยนกษัตริย์ของฝรั่งเศส เป็นร่างของชายสูงใหญ่ ใส่เสื้อคลุมสีชาด มีเครายาวสีชาด
เช่นกัน ร่างนี้ไปปรากฏต่อพระพักตร์ของกษัตริย์เฮนรีที่ 4 แห่งฝรั่งเศส ในคืนที 13 พฤษภาคม 1610 ในห้องพระบรรทมของกษัตริย์เฮนรีเลยทีเดียว
แล้วมันก็กล่าวคำพยากรณ์ว่า "พรุ่งนี้เจ้าจะต้องตาย" พระองค์ตกใจมากและรีบเรียกตัวขุนนางผู้ใหญ่มาหารือเพื่อหาทางแก้ไข และอีก 12 ชั่วโมงต่อมา
เฮนรีก็ถูกผลักตกจากบัลลังก์จริงตามคำพยากรณ์เพราะฟรองซัวราวิลแย็คทำการรัฐประหาร นอกจากนี้วิญญาณตัวนี้ยังสำแดงตนให้นโปเลียน โปนา
ปาร์ตเห็นถึง 4 ครั้ง และครั้งที่ 4 คือคืนวันที่ 5 พฤษภาคม 1821 ก็เป็นวันตายของนโปเลียนนั้นเอง


อันดับ 4 ผีชุดขาวแห่งเบอร์ลิน (Ghost White of The Berlin)

สถานที่พบเจอ เยอรมัน ฝรั่งเศส ??

ว่ากันว่าเป็นวิญญาณของอันนา ซิโดว์ ภรรยาลับของกษัตริย์โจอาคิมที่ 2 ในศตวรรษที่ 16 ที่ถูกจับขังจนถึงแก่กรรม ซึ่งใครก็ตามที่ได้เห็นวิญญาณ
หญิงสีขาวเมื่อไหร่คนในราชวงศ์นั้นจะประสบเคราะห์กรรม เช่นปี 1619 มหาดเล็กของกษัตริย์จอร์น ซิกมุนด์เห็นร่างสีขาวก่อนที่จะตายโดยอุบัติเหตุ
จากนั้นกษัตริย์จอห์น ซิกมุนด์ก็สวรรคต, นอกจากนั้นกษัตริย์หลายพระองค์ก็เห็นวิญญาณนี้ปรากฏที่รัสเซีย ปารีส และครั้งสุดท้ายที่ปรากฏคือวันที่
29 เมษายน 1945 ซึ่งเป็นวันล่มสลายของนาซีเยอรมันที่เบอร์ลินพอดี!!


อันดับ 3 วิญญาณที่เรือควีนแมรี่ (Queen Mary)

สถานที่พบเจอ เรือควีนแมรี่(ปัจจุบันถูกจอดไว้ที่เมืองลองบีช โดยดัดแปลงเป็นพิพิธภัณฑ์ โรงแรม)

ควีนแมรี่เป็นเรือใหญ่มากลำหนึ่งในประวัติศาสตร์อังกฤษ เคยถูกนำมาใช้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้วถูกปลดระวางในปี 1967 เพื่อนำไปทำโรงแรม
ซึ่งมีเรื่องเล่ากันว่าถ้าใครตายในเรือแมรี่มีอันต้องเป็นผีเฝ้าเรือทุกตน โดยมีผู้พบเห็นผีนี้ตามจุดทั่วเรือในลักษณะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรอยเท้าที่เปียก
น้ำ เด็กน้อยตามหาแม่และหายตัวไปต่อหน้า สตรีในชุดราตรีโบราณ ฯลฯ


อันดับ 2 วิญญาณของพระนางแคทเธอรีน โฮวาร์ด (Catherine Howard)

สถานที่พบเจอ หอคอยลอนดอน ประเทศอังกฤษ

แม้พระนางจะโดนสำเร็จโทษหลังอภิเษกกับพระเจ้าเฮนรีที่ 8 ได้เพียง 8 เดือน ไปตั้งแต่วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 1542 แล้วก็ตาม ระเบียงของพระราชวัง
แฮมตัน คอร์ท พาเลสทุกวันนี้ยังมีเสียงร้องโหยหวนในยามดึกเสมอ นอกจากนี้ยังสิงสู่อยู่ที่อีธอร์น มาเนอร์ ฮอลลิงบอร์น เค้นท์อีกด้วย


อันดับ 1 วิญญาณของพระนางแอนน์ โบลีน (Anne Boleyn the headless Queen)

สถานที่พบเจอ หอคอยลอนดอน ประเทศอังกฤษ (รูปถ่ายนี้ถูกถ่ายในธันวาคม ที่ศาล Hampton ใกล้ลอนดอน)

พระเจ้าเฮนรีที่ 8 นี้ช่างเป็นต้นเหตุสร้างเรื่องสยองจริงๆ เมื่อพระนางแอนน์ โบลีนพระมเหสีองค์ที่สองถูกสำเร็จโทษ 19 พฤษภาคม ปี 1536 โดยก่อน
ตายนางกล่าวว่า "โอ้ ความตาย นำข้าให้หลับใหล พาข้าให้พักอย่างเงียบสงัด นำข้าไปสู่ผี..ที่สุดแสนจะเงียบงัน ออกไปจากอกของข้าที่ห่วงหา
อาทร ย่ำระฆังความตายที่เศร้าสร้อย ปล่อยให้มันก้องกังวาน"

ว่ากันว่าวิญญาณของพระนางจะกลับมาที่ บลิคลิง ฮอลล์ ในนอร์ฟอล์ค ในวันครบรอบที่พระนางถูกสำเร็จโทษ ซึ่งสถานที่แห่งนั้นพระนางเคยใช้
ชีวิตในวัยเยาว์ที่นั้นเลยผูกพันเป็นพิเศษ ซึ่งมีรายงานปรากฏวิญญาณของพระนางไปยังสถานทีประสูติไม่ว่างเว้น โดยผู้คนมักเห็นร่างของหญิงสูง
ศักดิ์ปราศจากศีรษะ นั่งอยู่ในรถม้าที่ลากโดยม้าที่ปราศจากหัวสี่ตัว และคนขับซึ่งไม่มีหัวเช่นกัน รถม้าจะวิ่งช้าๆ ไปยังอาคารโบราณที่บลิงตันและ
หายลับไปยังประตูหน้า นอกจากนี้พระนางยังปรากฏอยู่ที่หอคอยแห่งลอนดอนอีกด้วย โดยผู้ใดที่อยู่ตรงข้ามพระนางจะพลอยได้พบหายนะไปด้วย
เสียสิ้น โดยใครพบเจอคนนั้นอาจหัวใจวายตายในเวลาไม่นาน ไม่ก็เสียสติ
คุณเชื่อเรื่องมนุษย์ต่างดาวหรือเปล่า? ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีรายงานกว่า 100,000 รายงาน
ในการพบจานบินหรือมนุษย์ต่างดาวจากทั่วโลก ซึ่งมีทั้งเรื่องจริงหรือไม่จริงบ้าง รวบรวมมาให้
ท่าน 11 เรื่องที่คิดว่าดังที่สุดแล้วสำหรับเรื่องของมนุษย์ต่างดาว เพื่อให้คุณพิจารณาว่ามนุษย์
ต่างดาวมีจริง!!


เหตุการณ์ที่1 เครื่องบินสีทอง

จากจำนวนวัตถุลึกลับเกี่ยวกับจานบิน ชิ้นนี้ดังที่สุด ซึ่งถูกพบในโคลัมเบีย อเมริกาใต้ มีอายุมากกว่า 1000 ปี มีลักษณะเหมือนเครื่องบินเจ็ท ปีกเป็น
รูปสามเหลี่ยมของยุคปัจจุบัน มีที่นั่งนักบินอยู่ตรงส่วนหัวและมีหางเหมือนเครื่องบินปัจจุบันด้วย ซึงแน่นอนชาวพื้นเมืองในโคลัมเบียคงไม่สามารถ
สร้างเครื่องบินนี้แน่ โดยเฉพาะเมื่อ 1000 ปีก่อน

อาจเป็นไปได้ว่ามนุษย์ต่างดาวได้เดินทางมาถึงอเมริกาใต้ ในยานอวกาศใต้ ในยานอวกาศที่มีรูปร่างเหมือนเครื่องบินเจ็ทตั้งแต่เมื่อ 1000 ปีมาแล้ว
และคงสร้างยานลำนี้ไว้เป็นที่ระลึก


เหตุการณ์ที่2 เด็กเขียว

ในเดือนสิงหาคม 1887 ในสเปน มีเด็กสองคน ซึ่งมีผิวหนังสีเขียวเป็นมันวาว และมีดวงตารีเฉียง เดินออกมาจากถ้ำแห่งหนึ่ง เด็กสองคนนั้นสวม
เสื้อผ้าที่ทำจากวัตถุประหลาด และพูดภาษาประหลาดที่ผู้ชาญภาษาจากบาร์เซโลนาไม่เข้าใจ และไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นภาษาอะไร เด็กที่เป็น
ผู้ชายตายก่อน ส่วนเด็กผู้หญิงยังอยู่ต่อมาและหัดพูดภาษาสเปนได้จนคล่องเธอเล่าว่าเธอถูกนำมาจากดินแดนแห่งหนึ่งซึ่งมีแต่ยามสนธยามี
พระอาทิตย์ขึ้น และถูกหอบมาทิ้งไว้ที่ถ้ำนั่น

ดินแดนที่ว่านั้น เป็นดินแดนของดาวอีกดวงหนึ่งใช่หรือไม่ หรือว่าพวกเธอถูกส่งตัวมายังโลกด้วย ยาวอวกาศหรือเปล่า หรือมาจากมิติที่สี่ก็เป็นได้


เหตุการณ์ที่ 3 การระเบิดที่ไซบีเรีย

เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 1908 มีการระเบิดอย่างรุนแรงเกิดขึ้นที่ไซบีเรีย เป็นแรงระเบิดที่รุนแรงกว่าฮิโรชิม่าถึง 10 เท่าดังไปค่อนโลก มีบางคน
บอกว่า ตนเองได้เห็นแสงไฟและเห็นควันรูปเห็ด อย่างไรก็ตามผลสุดท้ายสาเหตุการระเบิด ไม่มีใครทราบแน่ชัด

ในปี 1927 นักวิทยาศาสตร์ชาวโซเวียต ได้ออกทำการสำรวจและพบบริเวณที่เกิดการระเบิดนั้น ซึ่งกินบริเวณกว้างขวางถึง 800 ตารางไมล์
จากการลงความเห็นของผู้วชาญ แรงระเบิดนั้น ไม่ใช่เพราะอุกกาบาตแน่ มีบางคนบอกว่ามันอาจเป็นดาวหาง อาจเป็นเสี้ยวหนึ่งของหลุมดำ หรือ
อาจเป็นแสงเลเซอร์จากดวงดาวอื่นก็ได้

อเล็กซานเดอร์ คาซานท์เซฟ วิศวกรด้านอาวุธของรัสเซียลงความเห็นว่า มันเป็นพวกยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาว ซึ่งขณะบินทำการสำรวจโลก
ตกลงมา และเกิดระเบิดขึ้น


เหตุการณ์ที่ 4 เมื่อมนุษย์ต่างดาวเป็นฆาตกร

วันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2491 รัฐเคนตักกี้ อเมริกา เรืออากาศเอก โธมัส แมนเทลล์ จูเนียร์ ได้ขับเครื่องบินซี 118 แถวน่านฟ้าของเมืองแมรีส์วิลล์
เพื่อไปตรวจสอบการพบเห็น UFO ส่องแสงขนาดใหญ่ และเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ และเงียบเชียบข้ามท้องฟ้า ซึ่งทางฐานทัพก็จับสัญญาณมันได้เช่นกัน

แมนเทลล์ขับแล้วไปเจอ UFO ลำนั้นทันที เขารายงานวัตถุนั้นต่อศูนย์เป็นระยะในการติดตาม “พระเจ้า! มันน่ามหัศจรรย์ มันอยู่เหนือผมพอดี
และมันใหญ่โตมโหฬารมาก มันดูเหมือนโลหะรูปกลมใหญ่มาก ผมกำลังพยายามไปให้ถึงมัน มันกำลังบินสูง มันเริ่มบินสูง.... พระเจ้า! มันน่า
มหัศจรรย์มาก! มันเริ่มร้อน มันร้อน ร้อนมากทีเดียว ผมทำไม่...”จากนั้นสัญญาณก็ถูกตัด

เวลาต่อมา มีการพบซากเครื่องบินและศพของเรืออากาศเอกแมนเทลล์ มีรายงานว่าซากเครื่องบินมีรูและรอยขีดข่วนจากความร้อนสูง เหมือนกับว่า
เครื่องบินถูกทำลายจากรังสีบางอย่าง

ปัจจุบันการตายของแมนเทลล์ยังเป็นปริศนาต่อไป ว่าสิ่งที่เขาพบนั้นคือ UFO จริงหรือไม่?


เหตุการณ์ที่ 5 แอเรีย 51 (Area 51)

พื้นที่แห่งนี้ตั้งอยู่ในกลางทะเลทรายทางตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย เนวาด้า และอริโซน่า ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่ปี1958
เป็นพื้นที่ที่ลึกลับที่สุดเพราะเป็นเขตหวงห้ามไม่ให้คนนอกเข้าและมีการรักษาความปลอดภัยสูงสุด แม้ทางการสหรัฐจะบอกว่าพื้นที่นี้เป็นเพียง
สถานที่ทดสอบอาวุธหรือเครื่องบินรบใหม่ของสหรัฐ แต่มีหลายคนบอกว่าอาจเป็นฐานทัพของมนุษย์ต่างดาวหรือไม่ก็สถานที่ติดต่อกับมนุษย์ต่างดาว
นั่นก็อาจจะเป็นเพราะมีคนจำนวนมาก อ้างว่าได้เห็นวัตถุบินลึกลับหรือ UFO (Unidentified Flying Object) บินอยู่เหนือบริเวณนั้นบ่อยครั้ง จน
หลายคนสงสัยว่าบริเวณพื้นที่ 51 นั้นต้องมีอะไรมากกว่าสถานที่ซ้อมรบเครื่องบินรบ แน่นอน


เหตุการณ์ที่ 6 จานบินตกที่รอสเวลล์

ในปี ค.ศ.1948 เมืองรอสเวลล์ เกิดเหตุการณ์วัตถุบินลึกลับตกในพื้นที่ทะเลทรายของชาวเมืองนาม แม็ค บราเซิล วัตถุชิ้นตกและชิ้นส่วนตก
กระจัดกระจายเป็นวงกว้าง ไม่นานหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการก็มาถึงและเก็บวัตถุในพื้นที่ที่เกิดเหตุจนหมด ซึ่งผลจากการตรวจสอบตอนแรก
บอกว่าวัตถุที่ตกลงมานั้นเป็นวัตถุที่ไม่เคยมีอยู่ในโลก และแต่ละชิ้นโลหะมีคุณสมบัติแปลกประหลาด แต่ถึงอย่างไรเพราะอะไรไม่ทราบสาเหตุ
ภายหลังทางการดันกลับคำให้การบอกว่าวัตถุที่ตกลงมาเมืองรอสเวลล์นั้นคือบอลลูนตรวจสภาพอากาศ?

ทำไมต้องกลับคำผลการตรวจสอบ?? แล้ววัตถุบินลึกลับนั้นเป็นจานบินหรือไม่? ไม่มีใครทราบได้ แม้ว่าเหตุการณ์จะล่วงเลยมานานหลายสิบปีแล้ว
ก็ตามแต่หลายๆ ฝ่ายยังหวังว่าทางการสหรัฐจะเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้


เหตุการณ์ที่ 7 การลักพาตัวเบตตี้และบาร์นีย์ ฮิลลส์ (betty and Barney Hil)
คือการลักพาตัวที่โด่งดังที่สุดและเป็นครั้งแรกที่มนุษย์ต่างดาวลักพาตัวคนในโลก

19 กันยายน 1961 ขณะที่เบตตี้และบาร์นีย์ ฮิลลส์ สองสามีภรรยาขับรถผ่านแดนทะเลทรายของรัฐนิวแฮมเชียร์ จู่ๆ ก็มีจานบินแล่นขวางหน้า
และบังคับให้สองสามีภรรยาคู่นี้หยุดรถ

สิ่งมีชีวิตในยานนั้นมีอยู่ 5 คน(ตัว) สูง 5 ฟุต ตาโต ไม่มีจมูก และผิวหนังสีเทา เมื่อคนพวกนี้มาใกล้ สองสามีภรรยาก็รู้สึกเหมือนสะกดจิต ทั้งคู่
ถูกนำตัวเข้าไปในยานและถูกตรวจสอบทางกายภาพ มนุษย์ต่างดาวเหล่านั้นสอบถามสองสามีภรรยาโดยใช้พลังจิต แต่เมื่อเขาพูดกันเองก็พูด
ด้วยภาษาแปลกประหลาด

จากนั้นสองสามีก็ถูกลบความทรงจำ และถูกปล่อยตัวออกมา ซึ่งภายหลังสองสามีภรรยาคู่นี้ถูกสะกดจิต ทั้งคู่ก็เล่าเหตุการณ์นี้อย่างละเอียด จน
เป็นเรื่องน่าสนใจอย่างมาก จนต้องออกโทรทัศน์รายการพิเศษในปี 1975


เหตุการณ์ที่ 8 การชำแหละวัวในท้องทุ่ง (Cattle Mutilations)

9 มิถุนายน 2005 ได้เกิดปรากฏการณ์ประหลาดวัวตายอย่างลึกลับจำนวนมากในท้องทุ่งในประเทศสหรัฐอเมริกาและบราซิลและแถบอื่นๆ ทั่วโลก

โดยการตายลึกลับนี้แทบไม่เชื่อว่าเป็นฝีมือของมนุษย์จะสามารถทำได้ เพราะแต่ละพื้นที่วัวถูกฆ่าจำนวนมากโดยทั้งหมดนั้นลงมือเสร็จเพียงคืน
เดียว โดยส่วนใหญ่ท้องของวัวเคราะห์ร้ายถูกเจาะเป็นรูขนาดใหญ่รูปไข่ ด้วยเครื่องมือบางอย่างและถูกทำให้ไหม้แต่ไม่ใช้เลเซอร์หรือมีด และไม่
มีเลือดไหลออกมาอวัยวะบางส่วนเช่น อวัยวะเพศ ลูกตาและเต้านมโดยเฉพาะลำไส้มักหายไป แต่ไม่มีร่องรอยการดิ้นรนเพื่อหนีความตายของวัว
หรือแม้กระทั่งรอยเท้าในบริเวณที่มันตาย

มีการศึกษาเพื่อไขปริศนาปรากฏการณ์นี้มีมานานแล้ว ในขณะที่มนุษย์มีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า แต่ทว่าก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่ามันเกิดจากอะไร


เหตุการณ์ที่ 9 วงกลมประหลาดบนทุ่งหญ้า (Crop Circles)

ในช่วงปี 1980 เกิดเหตุการณ์ประหลาดคือประจักษ์ต่อชาวโลก ใน 29 ประเทศ ทั่วโลก คือเกิดวงกลมประหลาด หรือสัญลักษณ์ประหลาดที่ทุ่ง
ข้าวสาลี ข้าวบาเล่ห์ ข้าว และอื่นๆ

โดยจากรายงานการเกิด Crop Circles กว่า 10,000 ครั้ง พบว่าในช่วงปลายปี 1980 นั้น Crop Circles ส่วนใหญ่รูปแบบจะออกมาในลักษณะ
เส้นตรงซึ่งจะออกมาคล้ายๆกับสัญลักษณ์ แต่ภายหลังจากปี 1990 รูปแบบของ Crop Circles จะซับซ้อนมาก จนแทบไม่เชื่อว่าเป็นฝีมือของ
มนุษย์จะทำได้ นอกเสียจากจะเป็นมนุษย์ต่างดาว แล้วหาเป็นมนุษย์ต่างดาวจริง พวกเขาจะทำทำไม มันเป็นสัญญาบอกชาวโลกหรือ หรือว่าเป็น
ที่จอดยานบิน หรือว่าเป็นการเล่นสนุก??


และเหตุการณ์ที่ 10 เทปวีดีโอผ่าตัดมนุษย์ต่างดาว

ในปี 1992 ผู้สร้างภาพยนต์เรย์ ซานติลี อ้างว่าได้ซื้อฟิล์มภาพยนต์ขนาด 16 มิลลิเมตร มีความยาวกว่า 91 นาที(ไม่เปิดเผยถึงราคาที่ซื้อมา) เป็น
ฟิล์มภาพยนต์ที่เกี่ยวกับการผ่าตัดซากมนุษย์ต่างดาวหลังเหตุการณ์การตกที่รอสเวลส์โดยซื้อมาจากช่างภาพของกองทัพ(ไม่เปิดเผยชื่อ)ที่ถูก
มอบหมายให้ทำการถ่ายภาพยนต์การผ่าศพมนุษย์ต่างดาวที่ Fort Worth, Texas เพื่อทำการถ่ายภาพยนต์

จนกระทั่งในปี 1995 ภาพยนต์ชุดนี้ได้ถูกนำมาออกแสดง และเครือข่ายทีวีของ FOX นำภาพยนต์ชุด นี้ออกอากาศในรายการ One-hour special
ผลปรากฏว่ามีคนสนใจดูมากจนต้องมีการนำมาออกอากาศซ้ำอีกถึงสี่ครั้งหลังจากนั้นทำให้มีการถ่ายถอดออกไปใน อังกฤษ , เยอรมัน ,ฮอลแลนด์ ,
บราซิล และอิตาลี
10 สุดยอดเรือรบ

10. Hood Class - Battle Cruiser; Great Britain

ระวางขับน้ำ 42500 ตัน อาวุธ ปืนหลัก 15 นิ้ว 8 กระบอก
เรือที่เป็นที่ความภาคภูมิใจของกองทัพเรืออังกฤษมันสร้างความกลัวให้แก่ข้าศึกในปี 1930-1940 แต่พอสงครามโลกครั้งที่ 2 ระเบิดขึ้นมันได้ลง
สู่สนามรบครั้งแรกกับเรือ BISMARCK ของนาซีจากการยิงจากBISMARCK เพียง 5 ตับก็ทำให้เรือ HOOD จมลงในเวลาประมาณ 8 นาที


9. DEUTSCHLAND CLASS - POCKET Battleship

ระวางขับน้ำ 16200 ตัน อาวุธ ปืนหลัก 11 นิ้ว 6 กระบอก
เมื่อเยอรมันแพ้สงครามโลกครั้งที่ 1 ทำให้ฝ่ายเยอรมันถูกจำกัดไม่ให้สร้างเรือรบที่มีระวางขับน้ำไม่เกิน 10000 ตันแต่ฝ่ายเยอรมันกลับสร้างเรือ
ชิ้นนี้ขึ้นซึ่งเรือลำนี้วางกระดูกงูก่อนฮิตเลอร์ขึ้นอำนาจซะอีกโดยต่อ ขึ้นมา 3 ลำคือ1.Deutschland 2. Admiral Scheer 3. Admiral Graf Spee
เรือชั้นนี้มีขนาดเล็กมีความเร็วสูงและมีปืนที่ดีเรือถูกเรียกว่า PANZER SHIP


8. ESSEX CLASS - AIRCRAFT CARRIER

ระวางขับน้ำ 34480 ตัน อาวุธ ปืนหลัก 5 นิ้ว 12 กระบอก AA-GUN 20 mm.และ 40 mm. ประมาณ 68 กระบอก
เครื่องบิน 100 เครื่อง(F4U CORSAIR)เรือบรรทุกเครื่องบินของกองทัพเรือสหรัฐที่ใช้ถล่มเกาะต่างที่ญี่ปุนยึดเป็นฐานบินลอยน้ำที่มีความสำคัญ
ต่อกองทัพเรือมากจึงเป็นเป้าของเครื่องบินกามิกกาเซ่


7. BISMARCK CLASS - BATTLESHIP

ระวางขับน้ำ 50153 ตัน อาวุธ ปืนหลัก 15 นิ้ว 8 กระบอก
สุดยอดเรือรบของนาซีเป็นเรือที่ฮิตเลอร์ชอบมากโดยเรือชั้นนี้ต่อมา 2 ลำคือ1.BISMARCK 2. TIRPITZ มันได้ชื่อเสียงจากการที่ BISMARCK
จมเรือ HOOD ของอังกฤษแต่พอข่าวการจมเรือ HOOD ไปถึงกองทัพเรืออังกฤษทำให้อังกฤษส่งกองเรือออกตามล่าและในอีก 3 วันเรือ
BISMARCK ก็ถูกกองเรืออังกฤษรุมยำและจมลงเมือ BISMARCK จม อังกฤษก็หันไปล่าเรือTIRPITZ และมันก็ถูกจมหลังจากที่ไปแอบอยู่แถวๆนอร์เวย์


6. NORTH CAROLINA CLASS BATTLESHIP

ระวางขับน้ำ 44800 ตัน อาวุธ ปืนหลัก 16 นิ้ว 9 กระบอก
เรือรบที่ทำหน้าที่คุ้มกันกองเรือของสหรัฐในแปซิฟิกมีขนาดใหญ่และมีปืนที่มีอำนาจทำลายสูง


5. Fletcher Class - Destroyer; United States

ระวางขับน้ำ 2900 ตัน อาวุธ ปืนหลัก 5 นิ้ว 5 กระบอก
เรือประจัญบานขนาดเล็กของกองทัพเรือสหรัฐหน้าที่คือการคุ้มกันเรือสินค้า มันมีขนาดเล็กและความเร็วสูงและยังติดตั้งระเบิดน้ำลึกที่ใช้
ทำลายเรือดำน้ำด้วย


4. TICONDEROGA CLASS - MISSLE CRUISER

ระวางขับน้ำ 9646 ตัน อาวุธ ปืนหลัก 5 นิ้ว 2 กระบอก
แท่นปล่อยจรวดแบบ MK 41 2แท่น เรือลาดตระเวนของกองทัพเรือสหรัฐมีหน้าที่หลักๆคือการป้องกันภัยทางอากาศและต่อต้านเรือทั้งผิวน้ำ
และดำน้ำมีจรวดแบบ STANDARD SM 2 ตอร์ปิโดMK 32 จรวดHARPOON และสามารถสนับสนุนหน่วยทหารได้ด้วยจรวดTOMAHAWK MISSLE


3. QUEEN ELIZABETH CLASS - BATTLESHIP

ระวางขับน้ำ 36450 ตัน อาวุธ ปืนหลัก 15 นิ้ว 8 กระบอก
เรือที่ฝ่ายอังกฤษสร้างขึ้นเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 มันมีขนาดใหญ่มากและทำให้ข้าศึกไม่กล้าออกมาสู้ด้วยและได้ปรับปรุงและใช้
ในสงครามโลกครั้งที่2ด้วย


2. NIMITZ CLASS - AIRCRAFT CARRIER

ระวางขับน้ำ 97000-100000 ตัน
อาวุธ เครื่องบิน 85 เครื่อง (F-14D,F-18C,EA-6,EC-2,S-3B,SH-60,C-2A)เรือบรรทุกเครื่องบินขนาดยักษ์มันมีเครื่องบินถึง 85 ลำและมันไป
ถึงทุกที่ในโลกได้ด้วยเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 2 เตาและมีอาวุธป้องกันตัวคืออาวุธนำวิถีพื้นสู่อากาศแบบ SEA SPARROW 3แท่นๆละ 8 ท่อ
ยิง ระบบปืน VALCAN PHALANXขนาด 20 mm. 4 แท่น (นี่ก็ของปัจจุบัน)


1. Iowa Class - Fast Battleship

ระวางขับน้ำ 57450 ตัน อาวุธ ปืนหลัก 16 นิ้ว 9 กระบอก
สุดยอดเรือรบของสหรัฐมีขนาดใหญ่มากๆเรือชั้นนี้ถูกสร้างมา6ลำ
1. USS Iowa 2. USS New Jersey 3. USS Missouri
4. USS Wisconsin 5. USS Illinois 6. USS Kentucky
เป็นเรือที่อายุการใช้งานยาวนานมากที่สุดในโลกคือสงครามโลกครั้งที่2ไปจนถึงสงครามอ่าวปี 1991 โดยทำการติดตั้งแท่นปล่อยจรวด
TOMAHAWK MISSLE

เพื่อน





เพื่อน คือจมูก ถ้าไม่มีตายแน่นอนโดยเฉพาะตอนที่ทำข้อสอบ หรือไม่ก็ต้องหายใจทางปากไป แต่คงจะไม่สะดวกเท่าจมูกหรอกนะ
เพื่อน คือแหล่งเงินทุนมหาศาล เวลาที่ไม่มีเงินทีไรนึกถึงเพื่อนทุกที ตามด้วยคำพูดที่ว่า เฮ้ย! ยืมเงินหน่อยซิ เพื่อน คือกรมประชาสัมพันธ์ เวลาที่มีข่าวคราวอะไร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องส่วนรวมรับรองทั่วถึง
เพื่อน คือกระโถน เวลาที่มีความสุข ทุกข์ เศร้า เหงา ก็มาระบายกับเพื่อน เพื่อน คือตู้เสื้อผ้า ไม่ว่าจะเป็น เสื้อ กางเกง รองเท้า ถุงเท้า เข็มขัด ยืมได้ทั้งนั้น
เพื่อน คือคนช่วยหาร วันไหนอยากกินเหล้า หรือเที่ยวอาร์ซีเอ บอกเถอะเดี๋ยวก็มีคนช่วยหาร
เพื่อน คือคนที่เราต้องเลี้ยงดู ต่อจากเมื่อกี้ ถ้าเพื่อนไม่มีตังค์ก็ไปแจมเฉยๆก็ได้
เพื่อน คือคนที่พากลับห้อง วันไหนเมาไม่รู้เรื่องก็เพื่อนอีกนั่นแหละที่พากลับมานอนห้องอันอบอุ่น
เพื่อน คือคนที่ทะเลาะด้วย วันไหนไม่มีอะไรทำก็หาเรื่องทะเลาะเล่นได้
เพื่อน คือใบตองแห้ง วันไหนไม่มีอะไรทำก็เห่าเพื่อนซะเลย
เพื่อน คือคนที่ดูหนัง กินข้าวด้วย(เฉพาะตอนที่ไม่มีแฟนหรือว่าอกหัก ถ้ามีแฟนก็ไปกับแฟนน่ะซิ)
เพื่อน คือคนที่เล่นกีฬาด้วยกัน(แบบว่ามันต้องเล่นเป็นทีมน่ะเลยต้องพึ่งเพื่อนๆ) เพื่อน คือคนที่จะทำงานด้วย โดยเฉพาะตอนที่มีรายงาน แฮ่ๆ กูอยู่ด้วยคนซิ นะนะนะ
เพื่อน คือคนที่มีการบ้านให้ลอกสม่ำเสมอ ว่าแต่ว่าตอนนี้การบ้านเสร็จหรือยังล่ะ เอามาลอกมั่งดิ เพื่อน คือคนที่ทำให้รู้จักเสียเงินซื้อของขวัญวันเกิด เกิดกันทั้งปี
เพื่อน คือคนที่ไม่ทอดทิ้งกัน คำนี้พูดกันบ่อยๆโดยเฉพาะตอนที่เข้าห้องสอบ







เพื่อน คือพันธสัญญาแห่งความเข้าใจที่ตรงกัน

เพื่อน คือบุคคลที่คบกับเราในลักษณะที่เราเป็นอยู่ โดยที่เราไม่ต้องใส่หน้ากาก

เพื่อน คือมิตรแท้ที่กล้าให้คำมั่นสัญญาต่อมิตรได้

เพื่อน คือมิตรที่พยายามส่งเสริมเรา ให้ความสนใจเรา เชื่อในตัวเราตามที่เราเป็นจริง

เพื่อน คือคนที่ยังอยู่กับเรา ร่วมทุกข์ร่วมสุขแม้ในเวลาที่เราไม่มีประโยชน์จะให้

เพื่อน คือคนที่รักเรา แม้เราจะทำสิ่งไม่ดีที่สุด แต่ศัตรูเกลียดเรา แม้เราจะทำแต่สิ่งที่เขาก็รู้ว่าดีที่สุด

เพื่อน คือคนที่เข้าใจเราได้โดยไม่จำเป็นต้องพูดมากเพราะเขาคุ้นเคย และรู้จักความคิดความอ่านของเรา แค่มองหน้าก็รู้ปัญหา แค่มองตาก็เข้าใจ

เพื่อน คือผู้ที่หาโอกาสช่วยจัดสรรอย่างเต็มที่โดยที่เราไม่ต้องเอ่ยปากขอ

เพื่อน คือบุคคลที่เราสามารถฝากชีวิตจิตใจได้โดยเฉพาะยามทุกข์ลำบาก

เพื่อน คือคนที่ไม่ได้เห็นผิดเป็นชอบ แต่ตักเตือนเราไม่ให้หลงผิดและแนะนำทิศให้ถูกทาง

เพื่อน คือคนที่ไม่ได้เห็นด้วยกับเราในทุกอย่างทุกครั้ง แต่เป็นคนที่คิดพิจารณาและตักเตือนเราด้วยในบางครั้ง

เพื่อน คือคนที่ช่วยเราด้วยความเต็มใจ

เพื่อน คือคนที่ก้าวเหยียดอย่างสุดกำลังเพื่อช่วยเรา